เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้นำกล้อง Sony A7r mark II ไปถ่ายภาพในการแข่งขัน PTT BRIC Superbike 2017 ที่สนาม Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรถ้านำ A7r mark II ที่มีความละเอียด 42 ล้านพิกเซลมาถ่ายภาพแนว Sport จะทำออกมาได้ดีขนาดไหน
ทาง Sony ประเทศไทยส่งกล้องมาให้พร้อมกับเลนส์อีก 3 ตัว FE 24-70mm F/2.8 GM OSS, FE 70-200mm f/2.8 GM OSS และ FE 85mm f/1.4 GM OSS
ครวามรู้สึกแรกที่ได้จับกล้องเลยก็คือ ตัวกล้องมีน้ำหนักที่เบาแม้ว่าบอดี้ของ A7r mark II จะเป็นแม็กนีเซี่ยมอัลลอยด์ทั้งตัวก็ตาม แต่จับได้ไม่เต็มมือเท่าไหร่นัก สำหรับผู้ชายมือใหญ่ๆเหมือนผมต้องหากริปมาใส่เพิ่มจะได้จับกระชับมือมากขึ้น การควบคุมกล้องทำได้ดีสิ่งที่น่าประทับใจก็คือคุณสามารถเลือกปรับแต่งปุ่มแต่งๆบนตัวกล้องได้อย่างอิสระทำให้คุณสามารถปรับค่าต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคุณสามารถปรับค่ารูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ และ iso ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆบนตรงกล้องเลยแม้แต่ปุ่มเดียว
เริ่มงานด้วยการเดินดูตาม Pit ของนักแข่งข้างสนาม เก็บภาพบรรยากาศการเตรียมความพร้อมของนักแข่งก่อนลงสนาม มีการเซ็ตอัพเครื่องยนต์รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆให้มีสภาพสมบูรณ์ A7r Mark II สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน มีไดนามิกเล้นท์ ภายใน Pit สภาพแสงค่อนข้างมืดพอสมควรแต่รายละเอียดในส่วนที่อยู่ในเงาก็ยังสามารถเก็บได้ครบถ้วน
Sony A7r mark II : FE 24-70mm f/2.8 f2.8, 1/250s, iso-100, 24mm
Sony A7r Mark II : FE 24-70mm f/2.8 GM OSS f2.8, 1/125s, iso-100 70mm
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/800s, iso-80 85mm
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/640s, iso-80 85mm
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/1600s, iso-50 85mm
Sony A7r mark II : FE 24-70mm f/2.8 : f2.8, 1/640s, iso-100, 70mm
Auto White balance ของ A7r Mark II ค่อนข้างตรงเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีสภาพแสงที่ซับซ้อน หรือแสงสะท้อนจากวัตถุอื่นๆ ในภาพ ภาพตัวอย่างด้านล่างแม้ว่าจะมีแสงสะท้อนจากมอเตอร์ไซค์ และแสงที่ทะลุร่มสีแดงลงมารบกวนแต่สีเสื้อของนักแข่งยังคงเห็นเป็นสีขาวแบบเดียวกับที่ตามองเห็นถือว่าทำได้ดีมากๆ
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/400s, iso-100, 156mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/800s, iso-100, 75mm
ผมเลือกใช้ระบบโฟกัสต่อเนื่องแบบ AF-C ร่วมกับ flexible spot M เพื่อเพิ่มโอกาสในการโฟกัสทำให้โฟกัสได้อย่างแม่นยำนั้นเอง ภายในตัวกล้องมีระบบกันสั่นแบบ 5 ทิศทางช่วยเพิ่มความนิ่งเวลาแพนกล้องตามรถแข่งด้วยการโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนที่เข้าหากล้องทำได้น่าดีอย่างเหลือเชื่อ ทั้งแม่นยำและไวมาก จุดโฟกัสทำงานไวและละเอียดมาก อย่างภาพตัวอย่างด้านล่างเป็นมุมที่จินตนาการไว้แต่คิดไว้ว่าคนถ่ายยากแน่ๆ แค่กลับถ่ายได้คั้งแต่ชุดแรกที่ถ่ายเลย (รัวไปประมาณ 8 9 รูป ได้กลับมา 2 3 รูป)
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/6400s, iso-200, 99mm
การโฟกัสติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ออกจากกล้องก็ทำได้ดีเช่นกัน
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/640s, iso-100, 200mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/3200s, iso-125, 200mm
ช่องมองภาพแบบ EVF นั้นคมชัดใกล้เคียงกับช่องมองภาพแบบ Optical ในกล้อง DSLR ที่ดีกว่าคือเราสามารถมองเห็นภาพที่เราจะถ่ายได้ก่อนกดชัตเตอร์นั้นเอง เพราะ EVF สามารถแสดงผลได้แบบ real time นั้นเอง แต่ก้มีข้อเสีย เช่นถาเราต้องการถ่ายภาพให้ Under ประมาณ -1 EV ขึ้นไปภาพในช่องมองภาพก็จะมืดลงด้วยทำให้หาโฟกัสลำบากนั้นเอง
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f5.6, 1/250s, iso-50, 200mm
ระบบกันสั่นที่มีมาให้นั้นทำงานได้ดีมาก ทำให้ได้ภาพที่นิ่งและคมชัดรวมถึงระบบโฟกัสของเลนส์ 70-200mm GM ทำให้สามารถแพนกล้องตามวัตถุได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาพจะเบลอแต่อย่างใด
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f5.6, 1/125s, iso-100, 200mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f7.1, 1/250s, iso-50, 139mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f5.6, 1/250s, iso-64, 200mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f7.1, 1/250s, iso-100, 116mm
นอกจากเทคนิคการ Panning แล้ว เรายังสามารถถ่ายแบบ Stop Action ได้ โดยเล่นกับจังหวะที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่นการยกล้อ การชูมือของนักแข่ง หรือ อุบัติเหตุที่เกิดในการแข่งขันโดยให้อารมณ์ที่เกิดขึ้นในภาพเป็นตัวเล่าเรื่องและบอกความรู้สึกนั้นออกมา
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f2.8, 1/1600s, iso-100, 137mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f6.3, 1/250s, iso-50, 139mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f8, 1/250s, iso-100, 200mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f5, 1/320s, iso-64, 200mm
Sony A7r mark II : FE 70-200mm f/2.8 : f5, 1/250s, iso-50, 182mm
สุดท้ายสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกๆสนามแข่งขัน เรียกได้ว่าถ้าขาดสิ่งนี้ไปงานกร่อยเลยทีเดียว นั้นก็คือ สาวๆพริ้ตตี้นั้นเอง มาดูกันว่าสาวๆบุรีรัมย์นั้นจะน่ารักขนาดไหน
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/1600s, iso-50 85mm
การไล่โทนสีผิวนั้นสวยงามและความคมของเลนส์ 85mm f1.4 GM นี่เรียกได้ว่าคมมากๆ และที่ชอบที่สุดคือระบบโฟกัสแบบ Eye Detect ที่กล้องจะโฟกัสไปที่ตาของน้องพริ้ตตี้เองเลย หมดห่วงเรื่องถ่ายมาแล้วตาไม่ชัดแน่นอน แต่บอกไว้ก่อนว่าตอนกดให้โฟกัสอาจจะมีอาการหน่วงๆเล็กน้อยเพราะกล้องต้องประมวลผลหาว่าดวงตาอยู่ตำแหน่งไหนก่อนที่จะจับโฟกัส ดังนั้นก็รอนิดนึงอย่าใจร้อนยังไงมันก็ดีกว่าเราเลื่อนจุดโฟกัสเอง
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/640s, iso-80 85mm
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/640s, iso-50 85mm
Sony A7r Mark II : FE 85mm F/1.4 GM OSS f1.4, 1/2500s, iso-50 85mm
สรุปว่า Sony A7r mark II ตัวนี้ทำงานได้อย่างน่าประทับใจในระดับหนึ่ง มันอาจไม่เหมาะกับการเอามาถ่ายภาพกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วสูง แต่มันก็สามารถทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ใครที่คิดว่าจะซื้อมาถ่ายภาพท่องเที่ยวทั่วๆไป ถ่าย Portrait Landscape บอกเลยว่ามันสุดยอดทั้งในเรื่องของคุณภาพไฟล์และคุณภาพของเลนส์ที่มีการันตีคุณภาพของผลงานได้แน่นอน จุดที่น่าสังเกตคือเรื่องแบตเตอรี่ที่ความจุน้อยไปหน่อยทำให้แบตหมดไว เฉลี่ยนแล้วได้ราวๆ 320 รูปก็หมดแล้ว ทำให้ต้องมีแบตสำรองอย่างน้อยๆถึง 3 ก้อน รวมถึงช่องมองภาพที่ยังมีอาการ lag อยู่บ้าง ทำให้เวลาถ่ายภาพ Panning นั้นขาดความต่อเนื่องไป แต่ปัญหาเหล่านี้คงจะหมดไปหลัง A9 ออกมาคงจะมีการปรับปรุงเฟิร์มแวร์ให้แก้ไขปัญหาต่างๆให้ดีขึ้นนั้นเอง
ขอขอบคุณ Sony Thailand ที่ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ และขอบคุณสนาม Chang International Circuit ที่อำนวยความสะดวกในการให้พื้นที่ถ่ายทำกับทีมงาน BIG Camera ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ