Thailand English
 
Thailand English

 

BIG Camera มอบประสบการณ์สุดแสนประทับใจ กับแคมเปญสุดยิ่งใหญ่เห่งปี BIG Camera BIG Bonus 2017

 

BIG CAMERA ศูนย์รวมกล้องดิจิตอลที่มีความสุขให้เลือกมากที่สุด พาลูกค้าผู้โชคดีจากแคมเปญ BIG Camera BIG Bonus 2017 ทั้ง 20 ท่าน พร้อมดูแลความสุขของผู้โชคดี ที่ได้บินลัดฟ้าไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งสำคัญกับ Fashion Workshop สุด Exclusive โดย จอร์จ ธาดา วาริช ช่างภาพแฟชั่นระดับ TOP CLASS และเหล่า celebrity ในวงการแฟชั่นระดับแนวหน้าของเมืองไทย กับ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ที่จะทำให้คุณหลงใหลไปกับการถ่ายภาพตลอดทริป ณ ประเทศเยอรมัน – ออสเตรีย ทั้ง 8 วัน 5 คืน และพาผู้โชคดีทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่เหนือระดับกับการท่องเที่ยวถ่ายภาพ กับ Destination อันสวยงามของประเทศเยอรมัน – ออสเตรีย ที่เมื่อไปถึงต้องไม่พลาดที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพแห่งความประทับใจไว้ในกล้องตัวโปรด เริ่มจาก

 

 

Destination 1 วังลินเดอร์ฮอฟ ตั้งอยู่ใกล้เมืองโอเบอร์อัมเมอร์เกาทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นบาวาเรีย เป็นวังที่เล็กที่สุดที่สร้างโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ก่อนที่จะสร้างลินเดอร์ฮอฟพระเจ้าลุดวิกทรงรู้จักบริเวณนั้นดีจากการเดินทางไปล่าสัตว์ในบริเวณเทือกเขาบาวาเรียแอลป์กับพระบิดาพระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 แห่งบาวาเรียเมื่อยังทรงพระเยาว์ เมื่อขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1869 ลุดวิกไดัรับ “ตำหนักเคอนิกเฮาเชน” (K?nigsh?uschen) เมื่อเริ่มแรกก็ทรงขยายตำหนักเดิมแต่ต่อมาก็ทรงสั่งให้ย้ายตำหนักเคอนิกเฮาเชนไปตั้งในบริเวณอื่น และบนสิ่งก่อสร้างรูปตัว “U” ที่ยังเหลืออยู่ทรงเพิ่มห้องสามห้องและบันได ด้านหน้าตกแต่งที่เคยเป็นไม้ก็ทรงสั่งให้หุ้มด้วยหิน ตัวสิ่งก่อสร้างเป็นแบบโรโคโค ถึงแม้ว่าวังลินเดอร์ฮอฟจะเป็นวังที่เล็กกว่าพระราชวังแวร์ซายส์แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นวังที่สร้างเลียนแบบพระราชวังของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็นวีรบุรุษและแรงบันดาลใจของลุดวิก การก่อสร้างต่างๆ เช่นบันได ก็เป็นการสร้างย่อส่วนของบันไดทูต (Ambassador's staircase) ที่แวร์ซายส์ ซึ่งต่อมาไปสร้างเต็มสัดส่วนที่วังแฮเร็นเคียมเซ ภายในวังจะมีสัญลักษณ์พระอาทิตย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อยู่ทั่วไป ซึ่งเหมาะกับความคิดของลุดวิกที่ว่าอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินเป็นอำนาจโดยตรงจากพระเจ้า แต่ตามความเป็นจริงแล้วความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่ล้าสมัยไปแล้วในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ห้องบรรทมเป็นห้องที่สำคัญที่สุดในระบอบกษัตริย์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงรับการถวายราชการหนแรกและหนสุดท้ายของวันหนึ่งๆ ภายในห้องบรรทม ห้องบรรทมที่ลินเดอร์ฮอฟก็เป็นการเลียนแบบห้องบรรทมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในวัง หันไปทางทิศเหนือซึ่งทรงกลับสัญลักษณ์ของแวร์ซายส์ที่ทรงเห็นพระองค์ว่าเป็น “พระราชาแห่งราตรี” (Night-King) ที่ตั้งของปราสาทอยู่ไม่ไกลจากวัดเอ็ททาลซึ่งทำให้เห็นอีกแง่หนึ่ง เพราะทรงเห็นลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดว่าควรเป็นที่เก็บรักษาถ้วยศักดิ์สิทธิ์ (Holy grail) ซึ่งเป็นการเชื่อมพระราชวังบาโรกกับพระราชวัง “ยุคกลาง” เช่น นอยชวานชไตน์เป็นความคิดที่เข้ารูปเข้ารอยกับโอเปร่าของริชาร์ด วากเนอร์ที่ลุดวิกโปรด

 

 

 

 

 

Destination 2 อินสบรูค อนุสาวรีย์ เซนต์ แอนนา เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาว Tyrol อนุสาวรีย์นี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางถนน Mary Theresian อันพลุกพล่าน โดยมีทิวเขาและอาคารสีสันสดใสเป็นกรอบอยู่รอบๆ คุณจะพบเห็นอนุสาวรีย์ Annas?ule ปรากฏอยู่บนโปสการ์ดและของที่ระลึกมากมายในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของ Innsbruck ขณะที่คุณยืนอยู่ที่ฐานของอนุสาวรีย์ ให้ลองสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของเหล่าเทวดาที่อยู่รอบๆ เสา ชมความละเอียดของภาพสลักเทวดาตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างฐานและลวดลายธรรมชาติของหินอ่อนสีแดงบนตัวอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์เสา Annasaule สร้างขึ้นในปี 1706 ซึ่งเป็นเวลา 3 ปีหลังจากที่กองกำลัง Tyrol ขับไล่กองทัพบาวาเรียออกจากบริเวณนี้ ผู้ออกแบบอนุสาวรีย์นี้คือสถาปนิกชาวอิตาลี คริสโตโฟโร เบเนเดตติ โดยออกแบบในสไตล์โครินเธียน และอนุเสาวรีย์ได้รับการให้พรอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมซึ่งเป็นวัน St. Anne ที่ฐานของอนุสาวรีย์มีรูปปั้นเทวดา 4 องค์ซึ่งแต่ละองค์หันหน้าไปทางทิศทั้งสี่ เทวดาเหล่านี้ได้แก่ เซนต์แอน เซนต์จอร์จซึ่งเป็นหนึ่งในผู้คุ้มครอง Tyrol เซนต์แคสเซียน และเซนต์วิกัส ที่ยอดอนุสาวรีย์ความสูง 13 เมตรเป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระแม่มารี ยอดเขา Hafelekar ซึ่งมีหิมะปกคลุมจนถึงฤดูใบไม้ผลิเป็นพื้นหลังอันงดงามให้แก่อนุสาวรีย์นี้ รอบๆ อนุสาวรีย์รายล้อมไปด้วยตึกรามเก่าแก่ รวมถึง Rathaus หรือศาลาว่าการที่ตั้งอยู่ข้างๆ Triumphpforte (ประตูชัย) อยู่เลยลงไปบนถนน Mary Theresian พื้นหญ้าเขียวขจีรอบฐานอนุสาวรีย์นั้นเป็นทำเลที่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิกกัน คุณจะได้ชมความงามของเสานี้ ตลอดจนถนนกว้างใหญ่ท่ามกลางความคึกคักบนถนนรอบๆ ตัว

 

 

 

 

 

 

Destination 3 Golden Roof เป็นชื่ออาคารที่ก่อสร้างในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่ศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นการเป็นการเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่สองของจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 1 มีการใช้กระเบื้องทองแดงปิดทองจำนวน 2,657 แผ่นในการมุงหลังคากว้าง 16 เมตรเพื่อพยายามกำจัดข่าวลือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ เมื่อไล่สายตาต่ำลงมาใต้ขอบหลังคา คุณจะพบรูปนูนที่แสดงเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงชีวิตขององค์จักรพรรดิแม็กซิมิเลียน รูปที่โดดเด่นที่สุดคือภาพที่พระองค์ทรงยืนอยู่ระหว่างมเหสีทั้งสอง ซึ่งเป็นความพยายามที่จะไม่ทำลายความสัมพันธ์เก่าๆ ที่เกิดจากการสมรสครั้งแรกของพระองค์ พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ส่วนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของอาคารนี้โดยละเอียด พิพิธภัณฑ์นี้มีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ณ ช่วงเวลาของการก่อสร้าง Golden Roof คุณสามารถฟังคำบรรยายอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่จัดแสดงผ่านเทปนำเที่ยวซึ่งรวมอยู่ในค่าผ่านประตู เมื่อเดินมาถึงมุขหน้าต่างเหลี่ยม ให้แวะพักสักครู่เพื่อชื่นชมทิวทัศน์นอกหน้าต่างซึ่งถือเป็นไฮไลท์

 

 

 

 

 

 

Destination 4 Swarovski Kristallwelten Store Innsbruck นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ Swarovski Kristallwelten Store Innsbruck เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ส่องประกายแพรวพราวในย่านเมืองเก่าของอินส์บรุค ใกล้กับหลังคาทองคำ (Goldenes Dachl) แม้ร้านแห่งนี้ตกแต่งด้วยองค์ประกอบที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอทิก และตั้งอยู่ในอาคารอาคารเก่าแก่ที่สุดในจัตุรัส แต่กลับมอบบรรยากาศการช้อปปิ้งที่ทันสมัยและสว่างไสวด้วยการนำเสน่ห์ความงามจากอดีตและปัจจุบันมาประสมประสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว Swarovski Kristallwelten Store Innsbruck เป็นศูนย์รวมสินค้าครบทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกของผลิตภัณฑ์สวารอฟสกี ตั้งแต่อัญมณีไปจนถึงประติมากรรมขนาดเล็กที่เลื่องชื่อ รวมทั้ง Swarovski Optik และ Swarovski Lichtdesign เมื่อเดินเข้าไปในร้าน คุณจะรู้สึกเหมือนเดินท่องไปตามโลกต่าง ๆ ที่เปล่งประกายแวววาวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามย่างก้าวของคุณ นอกจากนี้ ยังมีผลงานจากศิลปินจำนวนมากตั้งอยู่ทั่วทั้งสองชั้นของอาคาร รวมทั้งนวัตกรรมที่ผลิตจากและเกี่ยวข้องกับคริสตัลด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Destination 5 ซาลซ์บูร์ก เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 4 ในประเทศออสเตรีย และเป็นเมืองหลวงของรัฐซาลซ์บูร์ก เมืองเก่าของซาลซ์บูร์กและสถาปัตยกรรมบาโรกเป็นหนึ่งในใจกลางเมืองที่ถูกดูแลรักษาอย่างดีที่สุดในกลุ่มประเทศที่พูดภาษาเยอรมันด้วยกัน และได้รับการยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2540 ซาลซ์บูร์กเป็นที่จดจำกันในฐานะที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ซาลซ์บูร์กเป็นบ้านเกิดของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท และเป็นฉากของภาพยนตร์เพลง มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Destination 6 ฮัลล์สตัทท์ เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ (Lake Hallstatt) หรือ ฮัลล์สตัทท์เทอร์ ซี (Hallstatter See) ทะเลสาบในเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) ภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย สำหรับความโดดเด่นของเมืองนั้น สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ก็คือความเป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีอากาศแสนบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ และชมทัศนียภาพสวยๆ ของตัวเมืองที่ถูกโอบล้มไปด้วยทะเลสาบและเทือกเขาสูงตระหง่านและเดินทางไปชม เหมืองเกลือโบราณ (Salzwelten) ที่มีอายุมากกว่า 7,000 ปี โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า เพื่อไปยังเหมืองเกลือที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 838 เมตร หรือใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น สำหรับการเที่ยวชมเหมืองเกลือนั้น สามารถเที่ยวชมได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน – เดือนตุลาคมของทุกปีๆ นอกจากนั้นก็ยังมีชมทิวทัศน์เมืองจากมุมสูงได้ ณ จุด Skywalk ที่ว่า คือ จุดที่ก่อสร้างเป็นสามเหลี่ยมชะง่อนผา ยื่นออกไปยืนถ่ายรูปได้อย่างหวาดเสียว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Destination 7 พระราชวังเชินบรุนน์ ตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง พ.ศ. 2461 ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก ภายในอุทยานเคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อ พ.ศ. 2295 ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย

 

 

 

Destination 8 เวียนนา เมืองหลวงอันมีเสน่ห์แห่งออสเตรียแห่งนี้เต็มไปด้วยโรงละครเพลงคลาสสิก สภากาแฟและพระราชวังโลกเก่า สวนสัตว์เชิงประวัติศาสตร์ สถานเริงรมย์ยามค่ำคืนและหอศิลป์สมัยใหม่
เดินสำรวจ "เมืองแห่งเสียงเพลง" ริมฝั่งแม่น้ำโดเนา (หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อแม่น้ำดานูบ) รับประทานอาหารค่ำในภัตตาคารสุดหรู สนุกกับแสงสีในสถานบันเทิงยามราตรีและชื่นชมทัศนียภาพแห่งศิลปะโดยรอบ ย้อนเวลากลับไปดูความรุ่งโรจน์ในอดีตของเมืองแห่งนี้และเยี่ยมชมพระราชวังสุดตระการตาจากยุคสถาปัตยกรรมต่างๆ พร้อมบรรดาน้ำพุ สวนสาธารณะและอนุสาวรีย์ที่น่าประทับใจมากมาย กรุงเวียนนา (หรือกรุงเวียนตามภาษาท้องถิ่น) ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรียมาตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ก่อนหน้านั้น กรุงเวียนนาเคยทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิฮับส์บูร์กอันยิ่งใหญ่มานานกว่า 6 ศตวรรษ กรุงเวียนนาในโฉมใหม่รุ่งโรจน์ด้วยวัฒนธรรมสมัยนิยม แต่ถึงกระนั้น คุณก็ยังสามารถพบเห็นความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์และประเพณีที่แสดงออกมาตามรูปแบบของอาคาร สวนสาธารณะและสภากาแฟที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมชั้นยอด

 

 

 

 

 

 

Exclusive FASHION WORKSHOP กับ  คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ โดย จอร์จ ธาดา วาริช กับเหล่า celebrity ในวงการแฟชั่นระดับแนวหน้าของเมืองไทย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดื่มด่ำไปกับกิจกรรม White Party ที่ทาง BIG Camera จัดขึ้นเพื่อเหล่าผู้โชคดีทั้ง 20 ท่านได้แบ่งปัญและถ่ายทอดความรู้สึกตลอด Trip BIG Camera BIG Bonus 2017 พร้อมกับร่วมกิจกรรมประกวดภาพชิงรางวัล

 

 

 

 

 

ภาพผลงานโดยคุณ จอร์จ ธาดา วาริช

 

 

 

 

 

ภาพผลงานลูกค้าที่ร่วมกิจกรรม

 

 

 

 

 

 

 

BIG CAMERA นำพาผู้โชคดีทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ ครั้งสำคัญกับ แคมเปญ BIG Camera BIG Bonus 2017 ทั้ง 20 ท่าน พร้อมดูแลความสุขของผู้โชคดี ที่ได้บินลัดฟ้าไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งสำคัญกับ Fashion Workshop สุด Exclusive โดย จอร์จ ธาดา วาริช ช่างภาพแฟชั่นระดับ TOP CLASS และเหล่า celebrity ในวงการแฟชั่นระดับแนวหน้าของเมืองไทย กับ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ที่จะทำให้คุณหลงใหลไปกับการถ่ายภาพตลอดทริป ณ ประเทศเยอรมัน – ออสเตรีย ทั้ง 8 วัน 5 คืน

 

ติดตามกิจกรรมแห่งความสุขในโลกของการถ่ายภาพแคมเปญ

BIG Camera BIG Bonus 2018

ได้ที่ www.bigcamera.co.th และ fb.me/BIGCAMERACLUB

Back to top