Thailand English
 
Thailand English

 

 

สายวิดีโอต้องมี!! Zhiyun Weebill LAB นิ่ง เฉียบ ถ่ายทำระดับภาพยนตร์

ณ จุดๆนี้ ไม่มี ไม่ได้แล้วจริงๆ!! เพราะเราอยู่ในยุคที่มีแค่กล้องดีๆหรือสมาร์ตโฟนตัวเดียว ก็สามารถถ่ายทำรายการ หรือถ่ายภาพยนตร์ดีๆซักเรื่องได้เลย แต่การจะทำให้ช็อตแต่ละช็อต นิ่ง สมูธ ตอนถ่าย follow ตามพิธีกรหรือนักแสดง อาจต้องมีตัวช่วยที่เอื้อต่อการถ่ายทำ

บริษัทที่เป็น Professional ทางด้านระบบกันสั่นระดับโลกอย่าง Zhiyun ได้ส่ง Gimbal ตัวเด็ดมาให้เรารีวิว นั่นคือเจ้า Zhiyun Weebill LAB ตัวใหม่ ซึ่งบอกเลยว่า ใช้ตัวนี้ตัวเดียว คือครบถ้วนทุกสิ่งอย่างในส่วนของการถ่ายทำ(Production) เลย ถ่ายหนัง ถ่ายทำรายการใหญ่ๆยังได้ คงไม่ต้องพูดถึงการทำ Vlog คลิปวิดีโอสุดคูล หรือการทำรีวิวสินค้าด้วยตัวเองนะ ใช้ได้ทั้งกับกล้อง Mirroless / DSLR หรือยังไม่หนำใจ ก็สามารถซื้อแท่นอุปกรณ์เสริมยึดสมาร์ตโฟนก็ได้ เกริ่นมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไปดูกันดีกว่าว่าเจ้า Weebill LAB จะดีจริงไหม

มาประเดิมกันด้วย First Impression ความประทับใจแรกกันเลย กับดีไซน์ของตัวกล่อง โดยเจ้า Weebill LAB รุ่นนี้ มีสโลแกนว่า “Tiny and Mighty” ขนาดเล็กลงและทรงพลัง สะดวกต่อการพกพามากๆ เหมือนแฟ้มเอกสารทั่วไปเลย ทันสมัย มั่นคง ทั้งเรื่องของสีและดีไซน์ แต่ด้วยความที่ว่าเป็นเคสโฟม อาจไม่เหมาะกับการเดินทางบางทริป ที่ต้องลุย มีการกระแทกบ่อยครั้ง หรือการเดินทางทางอากาศ อย่างกีฬาโดดร่ม เคสจะไม่สามารถรับแรงเหล่านี้ได้ แต่ก็ถือว่าสามารถถือไปใช้งานอื่นได้อีกหลากหลายสถานการณ์แล้ว

 

Unbox ภายในกล่อง

เริ่มจากตัวตัวไม้กันสั่น Zhiyun Weebill LAB อยู่กลางกล่องเลย, ตัวฐาน หรือ tripod, ที่ชาร์จ, ฐานดันกล้อง, แบตเตอรี่18650 2600 mAh 2 ก้อน, กระเป๋า pouch สำหรับเชื่อมต่อ และเพลทสำหรับติดกล้องเข้ากับตัว Weelbill LAB

ถือว่าในกล่องเคสนี้มีแต่ของน่าสนใจทั้งนั้น แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ 10 ชั่วโมงกันเลย ใช้ถ่ายจนหน่ำใจ ก็ใส่แท่นชาร์จ และนำสายจากกระเป๋า pouch มาต่อ ซึ่งในกระเป๋าใบเล็กๆนี้ จะมีสายเชื่อมต่อให้ถึง 3 เส้น ได้แก่ Micro USB ส่วนอีก 2 เส้นเป็น USB-C และจะมีตัวน็อตแถมมาให้ในกล่องจิ๋วใบนี้ด้วย

*แบตเตอรี่18650 2600 mAh จำนวน 2 ก้อน

*ช่องใส่แบตเตอรี่จะอยู่ด้านล่างของตัว Weebill LAB

 

การใช้งาน

จากการที่ไปลองใช้งานมา ก็คือประทับใจมาก ตัว Weebill LAB เอง ถ้าถือจับแบบธรรมดา ไม่มีตัวเสริมหรือ accessory อื่น ก็สามารถใช้งานได้สะดวกด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่เมื่อมีตัวฐานหรือขาตั้ง tripod ที่ให้มาในกล่องด้วย ก็ทำให้การใช้งานนั้นหลากหลายยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ไม่ว่าจะใช้เป็นขาตั้งเพื่อการ pan กล้องหรือการตั้งให้กล้องอยู่นิ่งๆเพื่อตั้งค่าบาลานซ์ก่อนเริ่มใช้งาน และยังสามารถรถือจับตัวไม้กันสั่นรุ่นนี้ได้ถึง 3 แบบเลย ได้แก่

1. การติดฐานไว้ด้านล่างของตัว Weebill LAB ซึ่งสามารถใช้เป็นขาตั้งและด้ามจับได้อีกด้วย และช่วยให้มองเห็นจอแสดงผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

2. ติดตัวฐานไว้ที่แท่นที่ยื่นออกมาด้านหลังของไม้กันสั่น จะทำให้สามารถจับได้ถนัดมือขึ้น และยังเหมาะกับการถ่าย follow ตามตัวแบบในมุมต่ำ หรือระดับสายตาของสุนัขตัวเล็ก หากใครอยากได้อีกมุมภาพที่ต่างไปจากระดับสายตาของเราลองนำตัวฐานไปติดที่ตำแหน่งนี้ดู 3. ในส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นการติดไว้ที่ช่องของอุปกรณ์เสริมซึ่งเป็นตัวยึด Smartphone นั่นแปลว่าถ้าเรานำตัว tripod ของเรามาติดไว้ที่ตำแหน่งนี้ ก็จะไม่สามารถติด Smartphone ได้นั่นเอง ดังนั้นถ้าการถ่าย ณ ขณะนั้นไม่ได้ใช้สมาร์ตโฟนในการถ่ายทำ ก็สามารถถอดออกชั่วคราวก่อน และติดตัว tripod เข้าไปแทน หรือถ้าใครถนัดในการถือไม้กันสั่นแบบนี้และต้องการจะใช้สมาร์ตโฟนบันทึกภาพไว้ด้วยก็ทำได้เช่นกัน

การใช้งานแบบที่ 1 ซึ่งตัวฐานนี้ เมื่อติดเรียบร้อยแล้วจะมีตัวล็อคแบบในภาพให้เลื่อนล็อค ทำให้สบายใจได้ขณะถ่ายทำ ไม่หลุดแน่นอน

ภาพบนเป็นการใช้งานแบบที่ 2

ซึ่งการใช้งานแบบที่ 2 นี้เหมาะกับถือถ่ายมุมมองต่ำๆ

และสุดท้ายการใช้งานแบบที่ 3

 

ถัดมาจะเป็นในส่วนของการตั้งค่าบาลานซ์ของตัว Weebill LAB ซึ่งขอบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า ถ้าใครเป็นมือใหม่ ไม่เคยใช้ไม้กันสั่นประเภทนี้มาก่อนเลย จะค่อนข้างยากที่จะเซ็ทตั้งค่าบาลานซ์ แต่ถ้าลองฝึกเล่นกับเจ้าตัวนี้บ่อยๆ ลองฝึกตั้งบาลานซ์กับกล้องหลายๆตัว ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก และเมื่อทำเป็นแล้วจะเป็นเรื่องง่ายไปเลย แอบบอกทริคอีกนิดนึงถ้าได้ใช้งานเจ้าตัว Weebill LAB กับกล้องคู่ใจของเราซักตัวบ่อยๆ เราจะรู้ตำแหน่งที่จะตั้งค่าศูนย์ให้กล้องอยู่นิ่งๆได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่าหรือวัดบาลานซ์กันใหม่ให้เสียเวลา เป็นเรื่องของความเคยชินล้วนๆ

โดยการตั้งค่าบาลานซ์นั้น ก่อนอื่นเลย ยังไม่ต้องกดเปิดเครื่อง Weebill LAB จัดการใส่ฐาน tripod ให้เรียบร้อย ตั้งไว้ในจุดที่คิดว่าเป็นพื้นเรียบเสมอกัน อาจจะเป็นบนโต๊ะหรือวางกับพื้นเลยก็ได้ นำเพลทที่ให้มาในกล่องติดกล้องคู่ใจของเรา และสังเกตุที่แกนหมุนบนตัว Weebill Lab จะมีปุ่มสีแดงอยู่่ 3 แกน สามารถเลื่อนล็อคได้ ซึ่งบอกเลยว่าสะดวกมากๆ ในการตั้งบาลานซ์ เราต้องตั้งบาลานซ์ทีละแกน ไล่จากบนลงล่าง ดังนั้นเราจะล็อคแกนล่างสุดกับแกนกลางไว้ก่อน นั่นแปลว่าเราจะมีแกนบนสุดที่อยู่ข้างๆจุดใส่กล้องของเรา เมื่อใส่กล้องยึดกับตัว Weebill LAB เสร็จแล้ว เราต้องพยายามปรับให้ตัวกล้องสามารถอยู่บนแท่นนั้นได้โดยไม่เอียง ตัวกล้องจะต้องอยู่บนแท่นนั้นในระนาบ 180 องศา *ตัว Weebill LAB นี้จะสามารถรับน้ำหนักของกล้องพร้อมเลนส์ได้ไม่เกิน 3 กิโลกรัม หลังจากนั้นก็ค่อยๆปลดล็อคแกน ตั้งบาลานซ์ลงไปเรื่อยๆจนครบตั้ง 3 แกน และลองกดเปิดเครื่องดู ระบบจะทำการเซ็ทให้โดยอัตโนมัติ ถ้าแต่ละแกนไม่ได้ขยับหรือเปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมที่เราตั้งบาลานซ์ก่อนเปิดเครื่อง นั้นแปลว่าคุณมาถูกทาง และพร้อมลุยแล้ว

ด้ามจับของ Zhiyun Weebill Lab จะเจอหน้าจอแสดงผล OLED, Joystick และ Dial ปุ่มบังคับทิศทางต่างๆ บอกเลยว่าดีไซน์เท่มาก ดูง่าย และตอบโจทย์จริงๆ ซึ่งนอกจากการบังคับ ตั้งค่า หรือควบคุมการถ่าย ในสมาร์ตโฟนแล้ว เบสิคสุดๆเลยแต่ยังคงความเรียบหรูไว้อยู่ คือ สามารถปรับจากตัว Weebill LAB ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสามารถมองเห็นชัดเจนบนจอแสดงผล ไม่ว่าจะปรับ ISO, Shutter speed หรือ f.stop แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอย่าลืมเชื่อมต่อระหว่าง ตัวกล้องกับตัว Weebill LAB ด้วยสาย USB-C แค่นี้ยังไม่พอ ยังมีปุ่มกดอัดวิดีโอได้เลยจากตัว Weebill LAB ตัวนี้ ปุ่ม POV สำหรับปรับโหมดการถ่าย ยังไม่หมดแค่นี้ หันมาด้านข้างของไม้กันสั่น จะเจอปุ่ม GO ซึ่งเอาไว้สำหรับคนที่ชอบความรวดเร็วในการถ่าย เนื่องจากพอกดปุ่มนี้ค้างไว้ ตัวกล้องจะบิดและตอบสนองอย่างรวดเร็วนั่นเอง ถัดลงมาเป็นปุ่ม PF/L สำหรับล็อคการหมุน และล่างสุดเป็นปุ่ม เปิด-ปิด

มองขยับขึ้นมาหน่อย ที่ด้านหน้าของตัว Weebill LAB จะมีปุ่มไกสามารถกดได้ ฟังก์ชั่นนี้เจ๋งดี ถ้ากด 2 ครั้งเหมือนดับเบิ้ลคลิกเม้าส์ จะเป็นการรีเซ็ทตำแหน่งกล้องมาอยู่ตรงกลางหรือแบบที่เราตั้งบาลานซ์ กด 3 ครั้ง จะเป็นการหันกลับกล้องมาที่ตัวคนถือ เป็นโหมดเซลฟี่ เหมาะมากๆสำหรับใครที่ต้องเดินทางถ่ายทำหรือถ่ายรีวิวคนเดียว และถ้ากดอีก 3 ครั้ง กล้องก็จะหันกลับไปด้านหน้าตามเดิม

 

โหมดถ่ายวิดีโอ

มาดูต่อกันที่ฟังก์ชั่นต่างๆในการถ่ายวิดีโอ มีอยู่หลายฟังก์ชั่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • Pan Follow Mode คือหันตัวไม้กันสั่นไปด้านไหน ก็จะหันตามกันไปทั้งแท่นด้านบน รวมถึงตัวกล้องด้วย 
  • Tilt and Pan Follow Mode คือการกดปุ่มไกด้านหน้าค้างไว้ ตัวแท่นที่รองรับกล้องจะล็อคไว้ที่ตำแหน่งนั้น และเราต้องเคลื่อนย้ายตัวเองเพื่อให้ซีนมีความน่าสนใจ เหมาะมากๆสำหรับการถ่ายซีนต้นไม้สูงๆ หรือตึกสูงๆ 
  • POV Mode กดที่ปุ่ม POV 1 ครั้ง จะเป็นโหมด follow ตามองศาของไม้กันสั่นทั้งหมด ทั้งการ Tilt, Pan หรือ Roll น่าสนใจมาก ถ่ายซีนแปลกๆได้ดีเลย 
  • GO Mode โหมดนี้ กดปุ่ม GO ด้านข้างของไม้กันสั่นค้างไว้ และหลักการจะเหมือนกับโหมด POV นั่นคือกล้อง follow ตามทุกการเคลื่อนไหวของไม้กันสั่น แต่จะแตกต่างกันตรงนี้โหมดนี้ไม้กันสั่นจะตอบสนองไวกว่ามาก เหมาะกับการถ่ายกีฬา หรือซีนที่ต้องใช้ความเร็วในการหันกล้อง
  • VORTEX Mode โดยการใช้งานคือกดที่ปุ่ม POV 2 ครั้ง แกนฐานรองกล้องจะ tilt เงยขึ้น และเราต้องเปลี่ยนวิธีการจับไม้กันสั่นใหม่ คือไม้กันสั่นจะตั้งอยู่ในระนาบ 180 องศา และต้องควบคุมทิศทางโดยการดัน Joystick ไปทางด้านขวาและซ้าย จะหมุนกล้องเป็นเกลียว ทำให้ได้ซีนที่น่าสนใจมากๆ *แนะนำให้หาโลเกชั่นที่มี foreground หรือมีกรอบ อาจเป็นหน้าต่าง หรือซุ้มประตูก็ได้

 

อุปกรณ์เสริม

1. TransMount Phone Holder with Crown Gear

ตามที่พูดไปถึงสมาร์ตโฟน แน่นอนว่ามีอุปกรณ์เสริมอีกหนึ่งชิ้นที่น่าสนใจคือตัวยึดสมาร์ตโฟน (TransMount Phone Holder with Crown Gear) เป็นตัวเสริมที่สำหรับใครอยากเก็บภาพจากสมาร์ตโฟนไปด้วย หรือเราสามารถควบคุมเจ้า Weebill LAB ผ่านสมาร์ตโฟนได้เลย!! โดยต้องใช้สาย USB-C อันเล็กที่อยู่ในกระเป๋า pouch เพื่อเชื่อมต่อระหว่างตัวกล้องกับตัว Weebill LAB ของเรา และสำหรับใครที่ยังไม่มีแอพพลิเคชั่น ZY Play ก็พิมพ์หาใน App store หรือ Play store แล้วดาวน์โหลดมาติดตั้งไว้นะ เนื่องจากเราต้องควบคุมไม้กันสั่นหรือปรับตั้งค่าแสงของกล้องผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ จัดการเชื่อมต่อ Wi-fi เข้ากับตัว Weebill LAB ให้เรียบร้อย สามารถบังคับทิศทางของไม้กันสั่นได้เลย ไม่ว่าจะ Tilt ขึ้น-ลง, Pan ซ้าย-ขวา หรือปรับ ISO, Shutter speed, F.stop ของกล้องก็ได้เช่นกัน สะดวกมาก ไม่จำเป็นต้องแตะตัวกล้องเลย

 

2. TransMount Quick Setup Kit

ถัดมาเป็นตัวยึดกับ tripod นั่นคือตัว TransMount Quick Setup Kit จะเป็นตัวยึดระหว่าง Weebill LAB ของเรา กับฐาน tripod ซึ่งสะดวกมากๆ การใช้งานก็คือสามารถจับที่ด้านข้างของตัวยึด และดึงลง แค่นี้ก็สามารถถอดเก็บ หรือถอดไปใส่ในตำแหน่งอื่นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องหมุนถอดฐาน tripod ของเราเลย เหมาะมากๆสำหรับการถ่ายทำที่ต้องทำเวลา ต้องใช้ความรวดเร็วในการย้ายตำแหน่งการจับ

อุปกรณ์เสริม TransMount Quick Setup Kit

 

3. TransMount Servo Zoom/Focus Controller (Max)

ตัวช่วยสำหรับการถ่ายวิดีโอได้คล่องขึ้น นั่นคือตัว TransMount Servo Zoom/Focus Controller (Max) หรือตัวปรับโฟกัส โดยภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ให้มา 2 ส่วน คือส่วนตัวฐานที่ติดกับแท่นฐานกล้อง และสายรัดสำหรับพันรอบแกนหมุนโฟกัสของเลนส์ ซึ่งเมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย โดยปกติการปรับโฟกัสไปที่วัตถุหรือตัวแบบในโหมด Manual ต้องใช้มือหมุนเองที่วงแหวนโฟกัสบนเลนส์ แต่อุปกรณ์เสริมตัวนี้ทำให้สามารถหมุนปรับโฟกัสได้ที่แกนด้านข้างของ Weebill LAB ได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน บางคนอาจชอบปล่อยออโต้โฟกัสมากกว่า

 

4. TransMount Mini Monopod

อุปกรณ์เสริมตัวสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด ที่จะยกระดับการถ่ายวิดีโอจาก Weebill LAB ขึ้นไปอีกขั้นนั้นก็คือตัว TransMount Mini Monopod ซึ่งเป็นขาตั้งแบบขาเดียว ขนาดเล็กกระทัดรัด ความยาวประมาณ 1 ไม้บรรทัดเท่านั้นเอง และแน่นอนว่าสามารถยืดขยายได้เหมือนขาตั้งทั่วไป หมุนยึดติดกับด้านล่างของตัว Weebill LAB จะทำให้ได้ภาพมุมสูง หรือมุมต่ำมากๆ แต่สำหรับบางคนกลัวพลาด หรือจับแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกหนึ่งตัวที่ควรใช้ร่วมกับตัว Mini Monopod นั่นคือ TransMount Multifunctional Camera Belt ซึ่งก็คือ เข็มขัดอเนกประสงค์ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกได้ดีมากๆ ตลอดการถ่ายทำ เมื่อเชื่อมติดกับตัว Mini Monopod แล้ว จะถือจับได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากเมื่อ monopod พ่วงติดกับตัวเราด้วยเข็มขัดแล้ว จะทำให้ช่วยถ่วงน้ำหนักระหว่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราต้องมีน้ำหนักมากกว่าทั้ง Mini Monopod กับตัว Weebill LAB รวมกันอยู่แล้ว เหมาะสำหรับการถ่ายทำที่ต้องใช้เวลานานๆ ถ่ายวิดีโองานแต่งงาน หรือถ่ายทำสารคดีสำรวจธรรมชาติ

 

สรุปความประทับใจ

จากที่ได้ไปลองคลุกคลีกับ Zhiyun Weebill LAB อยู่พักหนึ่ง ก็ได้ผลสรุปว่าเจ้าตัวนี้เป็น Gimbal ที่ตอบโจทย์กับยุคดิจิทัลตอนนี้จริงๆ และมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ Hand held กล้องเดินตามตัวแบบหรือพิธีกรโดยที่กล้องไม่สั่น เราจึงต้องมีอุปกรณ์สุดคูลอย่างเจ้า Weebill LAB นี้ ทั้งขนาดที่เล็กลง และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้การถ่ายทำราย ถ่ายรีวิว คนเดียว ก็ทำได้สบายๆ แถมลูปเล่น ฟังก์ชั่นในการถ่ายวิดีโอยังน่าสนใจมากๆ อย่าง V mode หรือ Vortex mode ที่ทำให้เจ้า Weebill LAB ดูไม่ธรมดาไปทันที ขาตั้ง tripod ที่สามารถถอดและใส่ได้หลายตำแหน่ง ถือจับได้หลากหลายแบบ คอนเฟิร์มว่าสุดจริงๆ อย่าลืมไปจับจองกันนะ

*Zhiyun Weebill LAB ราคา 21,000 บาท

 

 

via zhiyun-tech.comtechthelead.combhphotovideo.comthaiload.comnewsshooter.com

Back to top